สายไฟขาด ดูยังไง? 5 วิธีเช็คสายไฟขาด ที่ทุกบ้านควรรู้

สายไฟในบ้านเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ควรให้ความสำคัญ ในการหมั่นตรวจเช็คสภาพการใช้งานเพื่อความปลอดภัยของทุกคนในบ้าน เพราะแม้ว่าสายไฟจะถูกพัฒนาและหุ้มด้วยพลาสติกที่ป้องกันไฟได้สุดๆ แล้ว แต่เมื่อเวลาผ่านไป พลาสติกที่หุ้มสายไฟอยู่นั้นอาจจะบาง กรอบลงตามกาลเวลา แต่เมื่อไหร่ถึงควรเช็ค วันนี้ SC Asset รวบรวมวิธีตรวจเช็คสายไฟขาดในบ้านมาให้แล้ว

วิธีเช็คสายไฟขาด

อายุการใช้งานของสายไฟ

สายไฟทั่วไปมีอายุการใช้งานประมาณ 15-20 ปี สำหรับสายไฟที่ไม่ได้ห่อหุ้มด้วยการร้อยท่อ หรือรางพลาสติกแข็ง และสำหรับสายไฟที่มีการห่อหุ้มมักจะมีอายุยาวนั้นกว่านั้น ดังนั้นเมื่อถึงเวลาตามระยะการใช้งานก็ควรตรวจสอบสายไฟรอบบ้านเป็นการใหญ่ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เมื่อสายไฟขาด ชำรุด หรือยิ่งไปกว่านั้น เรื่องความชื้น

สีของสายไฟ สายไฟขาด

หากเห็นว่าสายไฟเดิมสีขาวเปลี่ยนเป็นสีเข้มขุ่น หรือสายไฟสีดำเปลี่ยนเป็นสีเหมือนฝุ่นเกาะ สายไฟเหล่านี้อาจเกิดการเปราะหรือมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น หมายถึงมีการใช้ไฟเกินขนาด หรือมีสายส่วนใดส่วนหนึ่งที่รั่วหรือต่อไม่แน่น

วิธีเช็คสายไฟขาดด้วยอุปกรณ์เช็คสายไฟ

ใช้อุปกรณ์เช็คกระแสไฟ

นอกจากสายไฟแล้ว อุปกรณ์เชื่อมต่ออย่าง เต้ารับ สวิตช์ไฟก็ควรเช็กและดูแลรักษาเช่นกัน หากเห็นว่าตัวเต้ารับมีรอยร้าว รอยแตก หรือหลุดออกมาจากผนัง ก็ควรเปลี่ยนเต้ารับอันใหม่ และเช็คด้วยการใช้ไขควงเช็กไฟว่ารูเสียบปลั๊กยังมีกระแสไฟไหลผ่าน ใช้งานได้ตามปกติหรือไม่ รวมถึงเช็คความหลวมที่เสียงปลั๊กไฟว่าหลวมหรือเมื่อเสียบสายไฟไปแล้ว มีประกายไฟขึ้นมาหรือไม่ ถ้าหากมีก็ควรเปลี่ยนเต้ารับทันที

สังเกตรอยขาดหรือรอยกัดของสายไฟ

อีกหนึ่งสิ่งที่สังเกตได้ด้วยตาเปล่าคือ การมองเห็นรอยขาดหรือรอยกัดของสายไฟ ซึ่งอาจเกิดจากกาลเวลา ตามการใช้งาน รวมถึงหนู แมลงสาบ ที่กัดกินสายไฟด้วย หากพบรอยขาดเหล่านี้ ควรรีบเปลี่ยนสายไฟทันที

สังเกตสายไฟขาด จากมิเตอร์หน้าบ้าน

เช็คว่าไฟฟ้ารั่วไหลในบ้านหรือไม่ง่ายๆ ด้วยการสังเกตมิเตอร์ไฟหน้าบ้าน โดยปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด และสังเกตว่ามิเตอร์หมุนหรือไม่ หรือใช้วิธีการจดเลขมิเตอร์ไว้ แล้วเช็คอีกครั้งในชั่วโมงต่อว่าเลขมิเตอร์ หมุนหรือไม่ หากเลขวิ่งก็ควรให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาเช็คมิเตอร์ หรือเช็คสายไฟรอบบ้านอีกครั้ง

จากเทคนิคการตรวจสอบสายไฟในบ้าน การเช็คและการสังเกตที่เรานำมาแนะนำนั้นถือเป็นหลักการ ตรวจสอบเบื้องต้นที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่ใช่แค่การบำรุงรักษาให้ใช้สายไฟไปได้ยาวนานแล้ว แต่ยิ่งตรวจเช็คให้ดีก็จะหมายถึงความปลอดภัยของสมาชิกทุกคนในบ้านนั่นเอง