ประเด็นภาวะโลกร้อน และปัญหาสิ่งแวดล้อมยังคงได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกปี ด้วยผลกระทบโดยตรงต่อตัวมนุษย์ทุกคนบนโลก ไม่ว่าจะอุณหภูมิที่สูงขึ้น ภัยธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ระบบต่าง ๆ ในธรรมชาติสูญเสียจนอาจเกิดปัญหาขาดแคลนทรัพยากรได้ในอนาคต แม้ปัญหาจะรุนแรงยิ่งขึ้นในทุกปี แต่หลายคนยังมองว่าเป็นเรื่องยากที่มนุษย์หนึ่งคนจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสถานการณ์ภาวะโลกร้อนที่ดีขึ้นได้
SC Sunblog อยากชวนทุกคนมาปรับความคิดว่า มนุษย์ทุกคนสามารถช่วยโลกได้ ด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันกันครับ
- ปิดเมื่อไม่ใช้

การลดการใช้พลังงาน ถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยลดคาร์บอนฟุตปริ้นท์ได้อย่างมาก เมื่อไม่ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือไม่อยู่ในพื้นที่นั้นก็อย่าลืมปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าให้เรียบร้อย อย่าลืมว่าการกดปุ่มปิดเพียงปุ่มเดียวจะช่วยลดการใช้พลังงานไปได้มากเลยครับ
2. ลงทุนกับเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นอกจากการปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ใช้งานแล้ว อีกวิธีที่จะช่วยให้เราได้รักษ์โลกไปอีกขั้นคือการเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการประหยัดไฟฟ้า หรือการใช้พลังงานทดแทน อย่างโซลาร์เซลส์ ที่นำพลังงานจากแสงอาทิตย์มาใช้ ช่วยให้เราประหยัดการใช้พลังงานไปได้เยอะเลยครับ
ที่อยู่อาศัยหลาย ๆ โครงการในไทยในปัจจุบัน เริ่มใช้พลังงานจากโซลาร์เซลส์ภายในโครงการทั้งบริเวณสโมสร Clubhouse ตลอดจนบ้านในโครงการที่มีให้ลูกบ้านเลือกใช้งานตามความสมัครใจ
3. ลดการทานเนื้อสัตว์

การเลือกทานอาหารเป็นหัวใจสำคัญของการใช้ชีวิตแบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเลยครับ ด้วยการลดการทานสัตว์เนื้อแดง อย่างเนื้อวัว เนื้อหมู หรือเนื้อแกะ แล้วเลือกทานเนื้อ plant-based หรือเนื้อปลาแทน โดยอาจจะเริ่มลดการทานเนื้อสัตว์ 2-3 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งก็ส่งผลต่อคาร์บอน ฟุตปรินท์ได้มากแล้วครับ
4. วางแผนการทำอาหาร ลด Food Waste

รู้หรือไม่? ว่าขยะที่มาจากการทานอาหารเหลือนั้นมีปริมาณมากที่สุดในโลก ซึ่งก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกซึ่งส่งผลให้โลกร้อนอย่างทุกวันนี้เอง ดังนั้นการเริ่มต้นแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นทางอย่าง ‘การวางแผนการกิน การทำอาหาร’ เป็นวิธีที่ได้ผลที่สุดในการลด Food Waste โดยเริ่มจากการวางแผนว่าจะทานอะไรในแต่ละสัปดาห์ เพื่อไปซื้อวัตถุดิบให้เหมาะสมต่อปริมาณที่จะทาน ให้เหลือเศษอาหารน้อยที่สุดครับ
5. รีไซเคิลทุกสิ่งที่สามารถรีไซเคิลได้

สิ่งสำคัญในการใช้ชีวิตแบบ eco-friendly คือการสร้างขยะทั่วไปให้น้อยที่สุด รีไซเคิลทุกสิ่งเท่าที่จะทำได้ ตั้งแต่กระดาษ กล่องลัง ขวดแก้ว ขวดน้ำ ควรหยุดคิดก่อนทิ้ง แล้วแยกชิ้นส่วนให้สามารถนำไปรีไซเคิลต่อได้ เช่น กล่องนม UHT ที่หากทิ้งทันทีที่ดื่มเสร็จก็จะเป็นขยะทั่วไป ด้วยนมคงเหลือในกล่องอาจเน่าเสียได้ ดังนั้นก่อนทิ้งควรล้าง ตาก และรวบรวมไปบริจาคเพื่อสร้างหลังคาเขียวจะดีต่อโลกและสิ่งแวดล้อมมากกว่าครับ
6. ลดการใช้พลาสติก

“พลาสติก”…แค่ชื่อ ก็ฟังดูเป็นตัวร้ายสำหรับวงการรักษ์โลก รักษ์สิ่งแวดล้อมไม่น้อย จริง ๆ แล้วพลาสติกมีประโยชน์หลายอย่าง แต่จะกลายเป็นตัวร้ายได้ก็อยู่ที่วิธีการใช้งานของเรานั่นแหละครับ เช่น ถุงพลาสติกที่ได้รับจากร้านสะดวกซื้อ หากเราใส่ของแค่ครั้งเดียวแล้วนำไปทิ้งแน่นอนว่าถุงพลาสติกใบนี้จะกลายเป็น พลาสติกใช้งานครั้งเดียวอันเปล่าประโยชน์ แต่หากเรานำถุงนี้ไปใช้ใส่ของตลอดหนึ่งเดือน แล้วทิ้งใส่ถุงรีไซเคิลได้ ก็จะกลายเป็นถุงที่มีประโยชน์ไม่น้อยเลยครับ
ในอีกกรณีของพลาสติกที่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อใช้งานแค่ครั้งเดียว ก็ควรนำไปใส่ถังขยะทั่วไป และพยายามอย่าให้เลอะเศษอาหารก่อนทิ้งลงถังครับ
7. ของพังความซ่อมเสียก่อน

หลายคนเห็นของในบ้านเสีย ชำรุด แล้วเก่าแล้วก็เลือกที่จะซื้อใหม่ แล้วนำของเก่าไปทิ้ง แต่ถ้าเราเปลี่ยนวิถีให้กลายเป็นคน eco-friendly ล่ะ? อย่างแรกที่ชาว eco-friendly ควรทำคือ ‘การนำไปซ่อม’ ไม่ว่าจะเครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า หรือสิ่งของต่าง ๆ ที่สามารถซ่อมได้ สำหรับเคสที่ของยังพังไม่มาก ปัจจุบันก็สามารถหาวิธีซ่อมสิ่งของได้จากทางอินเตอร์เน็ตช่วยให้ประหยัดทั้งเงินและเวลาได้อีกด้วย
8. การเลือกใช้ยานพาหนะในการเดินทาง

สำหรับเมืองไทยแล้วการเดิน หรือขี่จักรยานไปทำงานคงเป็นวิธีที่เป็นไปได้ยากหน่อย โดยเฉพาะคนที่ทำงานไกลบ้าน การเลือกใช้รถสาธารณะอย่างรถเมล์ รถไฟฟ้าก็เป็นวิธีที่ดีสำหรับการช่วยลดภาวะโลกร้อนและประหยัดเงินได้ แต่หากการเดินทางด้วยรถสาธารณะยังไม่สะดวกสำหรับบางคน สามารถเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าในการเดินทาง ซึ่งปัจจุบันไม่ว่าจะบ้าน หรือคอนโดหลายแห่งก็มีที่จอดพร้อม EV Charger ให้กับลูกบ้านอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องว่าจะไม่มีที่จอดรองรับเลยครับ
9. เลือกซื้อของท้องถิ่น

ไม่ว่าจะเสื้อผ้า หรืออาหาร เรามีตัวเลือกมากมายให้เลือกสรร การเลือกสนับสนุนผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ไม่นำเข้าจากต่างประเทศก็ช่วยทั้งลดคาร์บอนจากการขนส่ง ไปพร้อมกับการสนับสนุนรายได้ให้คนท้องถิ่นไปพร้อมกันครับ
10. ปลูกเอง ทานเอง

สำหรับใครที่พอจะมีพื้นที่รอบบ้านหน่อย ขอแนะนำให้ปลูกพืชผักสวนครัวกันเลยครับ การปลูกพืชผัก นอกจากจะทำให้เรามั่นใจว่าผักเหล่านี้สะอาด สด ใหม่ ปลอดสารพิษแล้ว ยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้เป็นอย่างดีเลย ซึ่งหากเรานำพืชผักที่เป็นเศษอาหารมาทำน้ำหมักชีวภาพ 100% พร้อมกับทำการคัดแยกขยะอีก 80% ก็จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้อีกทางหนึ่งด้วยครับ
เห็นไหมครับ ? ว่ามีวิธีง่าย ๆ หลากหลายวิธีที่จะช่วยให้เราเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้นได้ อยากชวนให้ทุกคนเลือก 1-2 วิธีมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันให้เหมาะกับตัวเอง แล้วทำให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตกันนะครับ !
Leave a Reply