เทคนิคการลงทุนฉบับมนุษย์เงินเดือน

การออมเงินในปัจจุบันได้ดอกเบี้ยเพียงเล็กน้อย เมื่อเวลาผ่านไปเจอกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นที่น่าเสียดายนัก เพราะถ้านำเงินออมไปลงทุนในทางอื่นๆ น่าจะได้ดอกเบี้ยหรือกำไรที่มากกว่า ดังนั้นการเก็บเงินออมให้งอกเงยและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ควรเป็น ‘การลงทุน’  ดังนั้น SC Asset มีเทคนิคการลงทุนให้กับมนุษย์เงินเดือนมาฝาก สำหรับใครที่กำลังจะเริ่มต้น

  1. ลงทุนในกองทุนรวม 

กองทุนรวม คือการลงทุนในรูปแบบที่นำเงินของหลายๆ คนมารวมกันแล้วนำไปจัดตั้งเป็นกองทุน โดยจะมี ‘ผู้จัดการกองทุน’ ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้บริหารจัดการกองทุนต่างๆ โดยผู้จัดการกองทุนจะนำเงินไปกระจาย การลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ซึ่งมีความเสี่ยงแตกต่างกันไป เช่น ตราสารหนี้ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ อสังหาฯ ทองคำ ฯลฯ ซึ่งก็แล้วแต่ผู้ลงทุนว่าอยากได้ความเสี่ยงในการลงทุนมากแค่ไหน หากได้กำไรก็จะมาเฉลี่ยคืน ให้กับผู้ลงทุนตามสัดส่วนการซื้อกองทุนของคุณเอง

ปัจจุบันใช้เงินแค่ 1 บาทก็สามารถซื้อกองทุนรวมได้แล้ว นอกจากนี้หากซื้อกองทุน SSF หรือกองทุน RMF จะได้สิทธิพิเศษใช้ในการลดหย่อนภาษีได้ด้วย โดยวิธีการซื้อก็ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก คือ สามารถเดินไปที่ ธนาคารหน้าสาขาได้เลย แล้วปรึกษาเรื่องการ ‘ซื้อกองทุน’ หรือปัจจุบันแต่ละธนาคารก็มีแอปพลิเคชัน สำหรับเปิดการลงทุนออนไลน์ได้เช่นกัน

โดยเมื่อคำนวนรายรับรายจ่ายแล้ว ให้กำหนดเงินลงทุนทุกเดือนเพื่อซื้อกองทุนอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ บัญชีกองทุนของคุณเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ

2.ลงทุนในหุ้น 

หุ้น คือความเป็นเจ้าของธุรกิจเหมือนเป็นหุ้นส่วนนั้นเอง ดังนั้นการซื้อหุ้นของกิจการใดๆ ก็เหมือนเราร่วม ลงทุนไปกับกิจการนั้นๆ ด้วย เมื่อบริษัทหรือธุรกิจนั้นๆ มีกำไร ก็จะเกิดการแบ่งปันผลกำไรทุกปี แต่การลงทุน ในหุ้นก็มีความเสี่ยงที่มากกว่ากองทุน ดังนั้นจึงต้องหาข้อมูลและศึกษาการลงทุนในหุ้นให้ดี เมื่อเลือกกิจการ ใดๆ ก็ควรศึกษางบการลงทุน งบรายรับร่ายจ่ายประจำปีของหุ้นตัวนั้นๆ ด้วย

หากศึกษามาดีก็มีโอกาสที่จะเลือกกิจการการลงทุนได้ถูกต้อง เพราะในระยะยาวหุ้นเป็นสินทรัพท์ที่สร้าง ผลตอบแทนได้ดีที่สุด โดยจะได้ทั้งจากกำไรจากการปันผลรายปี และการขายหุ้นเพื่อได้กำไรในส่วนต่าง

ราคานั่นเอง 

การซื้อขายหุ้นจะต้องเปิดบัญชีหุ้นกับโบรกเกอร์ ซึ่งโบรกเกอร์คือ บริษัทหลักทรัพท์ที่ทำหน้าที่รับคำสั่งซื้อ ขายหุ้นจากผู้ลงทุน และส่งไปยังระบบของการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เพื่อจับคู่คำสั่งซื้อขายตามราคา ที่เราตั้งไว้ ซึ่งปัจจุบันก็สามารถซื้อขายหุ้นด้วยตัวเองได้แล้ว โดยเปิดบัญชีหุ้นกับธนาคารต่างๆ หรือจะมี หน้านายซื้อขายหุ้นให้เพื่อขอคำแนะนำต่างๆ ก็สามารถทำได้

สำหรับมนุษย์เงินเดือนควรเลือกหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำ อย่างเช่น ธุรกิจสาธาณูปโภคพื้นฐาน อย่าง โรงพยาบาล รถไฟฟ้า พลังงาน ร้านอาหาร เพราะธุรกิจที่ทุกคนต้องกินต้องใช้จะเติบโตและมีมูลค่าธุรกิจสูงขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน 

3.เงินฝากออมทรัพย์แบบดิจิทัล 

บัญชีเงินฝากดิจิทัล คือ บัญชีเงินฝากธนาคารในรูปแบบออนไลน์ที่มีลักษณะเหมือนกับบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ คือ สามารถฝาก ถอน โอน จ่าย ได้ตามปกติ เพียงแต่ไม่มีเล่มสมุดบัญชีธนาคาร แต่ละธนาคาร อาจจะเรียกชื่อ ต่างกันไป เช่น บัญชีเงินฝากดิจิทัล บัญชีออนไลน์ บัญชี E-savings ฯลฯ ซึ่งบัญชีเงินฝากดิจิทัลสามารถเปิดบัญชี ได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องผ่านธนาคาร โดยการเปิดบัญชีเงินฝากดิจิทัล สามารถสมัครเองได้ง่าย ๆ ผ่านทาง ออนไลน์ไม่ต้องไปที่ธนาคาร แต่ที่สำคัญคือการฝากเงินในบัญชีเงินออมแบบดิจิทัลจะได้รับอัตราดอกเบี้ยสูง กว่าการฝากเงินออมทรัพย์แบบปกติ

ปัจจุบันมีหลายธนาคารที่สามารถเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์แบบดิจิทัลได้ ตัวอย่างเช่น

ธนาคารดอกเบี้ยเงื่อนไข
ME by TMBในบัญชี ME SAVE จะได้รับดอกเบี้ย 0.40 % สำหรับ 10 ล้านบาทแรก ส่วนที่เกิน 10 ล้านจะไม่ได้รับดอกเบี้ย
Krungthai NEXT Savingsดอกเบี้ย 1.50 % สำหรับเงินที่ไม่เกิน 1 ล้านบาท  และดอกเบี้ย 0.50 % สำหรับเงินที่เกินกว่า 1 ล้านบาทจ่ายดอกเบี้ย 2 ครั้งต่อปีคือเดือนมิถุนายน และเดือนธันวาคม
 Kept by krungsriมีระบบการฝากเงินแบบแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ Kept, Grow และ Fun โดยถ้าเก็บเงินไว้ใน Grow จะรับดอกเบี้ย 1.5% ต่อปีขั้นต่ำในการเปิดบัญชีคือ 5,000 บาท
SCB EASY Savingsดอกเบี้ย 1.5 % ตั้งแต่บาทแรกจนถึง 5 ล้านบาท และส่วนเงินที่เกินจาก 5 ล้านบาทจะได้ดอกเบี้ย 0.50% เปิดบัญชีขั้นต่ำที่ 500 บาท  ให้ดอกเบี้ย 2 ครั้ง/ปี คือวันที่ 25 มิถุนายน และ 25 ธันวาคม

4.ซื้ออสังหาริมทรัพย์

การลงทุนอสังหาริมทรัพย์เป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของค่าเช่ารายเดือน หรือส่วนต่าง ในการขายต่อ ซึ่งการลงทุนประเภทนี้ก็ต้องดูทั้งความเป็นไปได้ในการปล่อยเช่าหรือขายต่อเพื่อเอากำไรส่วน ต่าง ดังนั้นก่อนจะลงทุนซื้อสังหาริมทรัพย์ก็ต้องศึกษาให้ดีว่าตลาดเป็นอย่างไร โดยพิจารณาจาก

  • ทำเลที่ตั้ง ตรงไหนที่คนน่าสนใจซื้อหรือเช่า 
  • การเดินทางที่สะดวก มีสถานีรถไฟฟ้าอยู่ไม่ไกล หรือติดถนนใหญ่ เพื่อความคล่องตัวของผู้อยู่อาศัย
  • มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบหรือไม่ เช่น ตลาด ซูเปอร์มาเก็ต โรงพยาบาล หรือโรงเรียน 
  • เช็คความปลอดภัยของทำเลว่าเป็นพื้นที่เปลี่ยวหรือไม่

เมื่อมั่นใจแล้วว่าอสังริมทรัพย์ที่คุณเลือกจะสามารถทำกำไรให้กับคุณได้ ก็เริ่มต้นวางแผนซื้อตามขั้นตอนต่างๆ ได้เลย

เพราะการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดศึกษาหาข้อมูลให้ดีเพราะข้อมูลและความรู้ที่รู้จริงๆจะทำให้คุณประสบความสำเร็จในการลงทุนได้อย่างแน่นอน